10 อันดับ เครื่องปริ้นพกพา 2025 ยี่ห้อไหนดี

วิธีการเลือกซื้อเครื่องปริ้นพกพา

เครื่องปริ้นพกพาเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ นักเดินทาง หรือผู้ที่ต้องการพิมพ์เอกสารและรูปภาพได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และเชื่อมต่อได้หลากหลาย ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาคุณสมบัติสำคัญดังต่อไปนี้

1. ประเภทของเครื่องปริ้นพกพา

เลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานของคุณ

• แบบพิมพ์เอกสาร (Thermal / Inkjet Portable Printer) – เหมาะกับพนักงานภาคสนาม ธุรกิจขนส่ง หรือผู้ที่ต้องการพิมพ์ใบเสร็จและเอกสาร

• แบบพิมพ์ภาพถ่าย (Photo Printer / Instant Printer) – เหมาะสำหรับพิมพ์รูปจากมือถือหรือกล้อง เช่น เครื่องปริ้นภาพขนาดพกพา Canon, Fujifilm Instax, หรือ Xiaomi

• แบบปริ้นฉลาก (Label Printer) – ใช้พิมพ์บาร์โค้ดหรือฉลากสินค้า เหมาะกับร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจขนาดเล็ก

2. เทคโนโลยีการพิมพ์ (Printing Technology)

แต่ละเทคโนโลยีให้ผลลัพธ์และต้นทุนต่างกัน

• Thermal (ความร้อน) – ไม่ใช้หมึก ประหยัด เหมาะกับพิมพ์ใบเสร็จหรือฉลาก

• Inkjet (พ่นหมึก) – พิมพ์ได้ทั้งภาพและเอกสาร สีคมชัด แต่ต้องเปลี่ยนหมึกเป็นระยะ

• ZINK (Zero Ink) – ใช้กระดาษพิเศษที่มีสีในตัว ไม่ต้องใช้หมึก เหมาะกับการพิมพ์ภาพถ่าย

• Sublimation (ระเหิดสี) – ให้สีสันคมชัดและติดทนนาน เหมาะกับเครื่องปริ้นภาพระดับพรีเมียม

3. ความละเอียดในการพิมพ์ (Print Resolution)

บ่งบอกคุณภาพของงานพิมพ์

• สำหรับเอกสารทั่วไปควรมีความละเอียดอย่างน้อย 300–600 DPI

• สำหรับงานพิมพ์ภาพถ่ายควรเลือก 1,200 DPI ขึ้นไป เพื่อให้สีคมชัดและมีมิติ

4. ความเร็วในการพิมพ์ (Print Speed)

เลือกตามปริมาณการใช้งาน

• สำหรับพิมพ์เอกสารควรมีความเร็ว 5–10 แผ่นต่อนาที

• สำหรับพิมพ์ภาพควรดูระยะเวลาเฉลี่ย เช่น 40–60 วินาทีต่อภาพ

5. ขนาดและน้ำหนักเครื่อง

ความสะดวกในการพกพาเป็นจุดเด่นของเครื่องปริ้นพกพา

• น้ำหนักควรไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม เพื่อพกใส่กระเป๋าได้

• ขนาดกะทัดรัด พอเหมาะกับกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าทำงาน

6. ระบบเชื่อมต่อ (Connectivity)

ควรเลือกเครื่องที่เชื่อมต่อได้หลายรูปแบบเพื่อความยืดหยุ่น

• Bluetooth / Wi-Fi – เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตได้โดยตรง

• USB / Type-C – ใช้เชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์

• App Printing – ควบคุมผ่านแอปเฉพาะของแบรนด์ เช่น Canon Mini Print, Kodak App หรือ Phomemo

7. การรองรับระบบปฏิบัติการ (Compatibility)

ตรวจสอบว่าเครื่องรองรับระบบที่คุณใช้งาน เช่น

• Android / iOS สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน

• Windows / macOS สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก

8. การใช้พลังงาน (Power Source)

เครื่องปริ้นพกพามักใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือพอร์ต USB

• แบตเตอรี่ในตัว (Rechargeable Battery) – พิมพ์ได้ต่อเนื่อง 100–300 แผ่นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

• USB Power / Power Bank – เหมาะกับการใช้งานภาคสนามหรือเดินทาง
  ควรเลือกแบตเตอรี่ความจุสูงหรือสามารถเปลี่ยนได้เพื่อความสะดวก

9. วัสดุสิ้นเปลืองและต้นทุนต่อการพิมพ์

คำนวณความคุ้มค่าในระยะยาว

• เครื่องแบบ Inkjet ต้องเปลี่ยนหมึกบ่อย ต้นทุนสูงกว่า

• แบบ Thermal หรือ ZINK ไม่ต้องใช้หมึก แต่ราคากระดาษจะสูงกว่าเล็กน้อย

• ตรวจสอบราคากระดาษและตลับหมึกก่อนซื้อ เพื่อประเมินต้นทุนจริงต่อแผ่น

10. คุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม

บางรุ่นมีฟังก์ชันเสริมที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้น เช่น

• พิมพ์แบบไร้ขอบ (Borderless Printing)

• ระบบตัดกระดาษอัตโนมัติ (Auto Cut)

• ฟังก์ชันพิมพ์จาก Cloud หรือ Social Media

• รองรับ QR Code / บาร์โค้ด สำหรับงานธุรกิจ

11. การรับประกันและบริการหลังการขาย

ควรเลือกแบรนด์ที่มีศูนย์บริการในประเทศ เช่น Canon, Epson, Fujifilm, Brother, Phomemo หรือ Xiaomi

• รับประกันอย่างน้อย 1 ปี

• มีอะไหล่และกระดาษพิมพ์จำหน่ายต่อเนื่อง

สรุป

การเลือกซื้อเครื่องปริ้นพกพาควรพิจารณาจาก ประเภทการใช้งาน, เทคโนโลยีการพิมพ์, ความละเอียด, การเชื่อมต่อ, แบตเตอรี่ และต้นทุนต่อแผ่น เพื่อให้เหมาะกับงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เอกสารในที่ทำงาน ภาคสนาม หรือภาพถ่ายส่วนตัว เครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้พิมพ์ได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา