วิธีการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ (Water Purifier)

1) เข้าใจประเภทของเครื่องกรองน้ำก่อนเลือก 🧭

เครื่องกรองน้ำมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับ “แหล่งน้ำ” และ “จุดประสงค์การใช้งาน”

📌 ควรเลือกตามปริมาณการใช้น้ำและพื้นที่ติดตั้งในบ้าน

2) ระบบการกรองน้ำ (Filtration System) ⚙️

หัวใจสำคัญของเครื่องกรองน้ำคือ “ระบบกรอง” ซึ่งมีหลายแบบ และแต่ละแบบให้ผลต่างกัน

📌 สำหรับบ้านในเมือง แนะนำ “RO + Carbon” หรือ “UF + UV” เพื่อความสะอาดและปลอดภัยสูงสุด

3) ตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำที่ใช้ 💦

ก่อนซื้อควรดูว่าน้ำที่บ้านมาจากแหล่งไหน

• น้ำประปา → เลือกระบบกรอง Carbon + UF ก็เพียงพอ

• น้ำบาดาล / น้ำกร่อย → ควรใช้ระบบ RO + UV เพื่อกรองหินปูน โลหะหนัก และเชื้อโรค

• น้ำจากถังเก็บ / แท็งก์ → ควรมี Sediment Filter (กรองตะกอน) ก่อนเข้าเครื่อง

📌 การเลือกเครื่องกรองให้เหมาะกับสภาพน้ำ จะช่วยยืดอายุไส้กรองและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

4) จำนวนขั้นตอนการกรอง 🧩

เครื่องกรองน้ำส่วนใหญ่มีตั้งแต่ 3 – 7 ขั้นตอน

• 3 ขั้นตอน: เหมาะกับน้ำประปาสะอาด

• 5 ขั้นตอน: เหมาะกับการใช้น้ำทั่วไป / ครอบครัวขนาดกลาง

• 6–7 ขั้นตอน: เพิ่ม UV / Mineral สำหรับน้ำดื่มคุณภาพสูง
  📌 ยิ่งขั้นตอนกรองมาก การกรองยิ่งละเอียด แต่ก็ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยขึ้น ควรเลือกแบบพอดีตามการใช้งานจริง

5) ขนาดและดีไซน์เครื่อง 📏

• เลือกเครื่องที่ เหมาะกับพื้นที่ติดตั้ง เช่น ใต้ซิงก์ / ตั้งโต๊ะ / แขวนผนัง

• ดีไซน์ทันสมัยจะช่วยให้ดูสะอาดและเข้ากับห้องครัว
  📌 ถ้าพื้นที่จำกัด แนะนำแบบตั้งโต๊ะหรือแบบแขวนผนังเพื่อประหยัดพื้นที่

6) อัตราการกรองน้ำ (Water Flow Rate) 🚰

• ตรวจสอบปริมาณการกรอง (ลิตร/ชั่วโมง หรือ ลิตร/วัน)

  • ครอบครัวเล็ก → อย่างน้อย 50–100 ลิตร/วัน

  • ครอบครัวใหญ่ → 200 ลิตร/วันขึ้นไป
    📌 อย่าลืมดู “แรงดันน้ำขั้นต่ำ” ที่เครื่องต้องการ เพื่อให้กรองได้เต็มประสิทธิภาพ

7) คุณภาพของไส้กรองและการเปลี่ยนไส้กรอง 🧽

• ควรเปลี่ยนตามระยะเวลาที่แนะนำ เช่น

  • ไส้กรองหยาบ (PP) → ทุก 3–6 เดือน

  • Carbon / UF / RO → ทุก 6–12 เดือน

• ตรวจสอบว่าสามารถ ซื้อไส้กรองทดแทนได้ง่าย และมีราคาสมเหตุสมผล
  📌 ควรเลือกยี่ห้อที่มีอะไหล่และไส้กรองขายทั่วไปในท้องตลาด

8) ระบบฆ่าเชื้อและความปลอดภัย 🌡️

• UV Sterilizer → ฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส

• Ozone System → ช่วยฆ่าเชื้อในน้ำโดยไม่ใช้สารเคมี
  📌 ระบบฆ่าเชื้อช่วยให้น้ำดื่มปลอดภัยแม้ในพื้นที่น้ำไม่สะอาดมากนัก

9) วัสดุของตัวเครื่องและถังเก็บน้ำ 🧴

• ตัวเครื่องควรทำจาก พลาสติก Food Grade หรือสแตนเลส ไม่ขึ้นสนิม

• ถังเก็บน้ำควรเป็นแบบ ปิดสนิท / ป้องกันแสง / กันฝุ่น
  📌 ตรวจสอบมาตรฐาน Food Grade เพื่อความปลอดภัยในการดื่ม

10) มาตรฐานรับรองคุณภาพและความปลอดภัย ✅

• ควรมีมาตรฐานรับรอง เช่น

  • NSF / FDA (สหรัฐอเมริกา) – มั่นใจในความปลอดภัย

  • มอก. (ประเทศไทย) – รับรองคุณภาพเครื่องใช้ไฟฟ้า

  • ISO / RoHS – มาตรฐานสิ่งแวดล้อม
    📌 เครื่องที่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้มั่นใจได้ว่าน้ำที่กรองสะอาดและปลอดภัยจริง

11) การบำรุงรักษาและศูนย์บริการ 🧰

• ตรวจสอบว่ามีศูนย์บริการในไทยหรือไม่

• มีทีมช่างติดตั้งหรือคู่มือการใช้งานชัดเจน

• บางรุ่นมีระบบ แจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรองอัตโนมัติ
  📌 การดูแลที่ง่ายช่วยให้เครื่องอยู่ได้นานและคงประสิทธิภาพการกรองดีเยี่ยม

12) งบประมาณและความคุ้มค่า 💰

📌 เลือกตามแหล่งน้ำและงบประมาณ — ถ้าใช้ดื่มโดยตรง แนะนำระบบ RO หรือ UF ที่มี UV ฆ่าเชื้อจะดีที่สุด